วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555


การสะสมหินเป็นงานอดิเรก

การเก็บสะสมหินเพื่อไว้ชื่นชมของมนุษย์เรานั้นมีมาช้านานแล้ว  ถึงแม้ว่าหินได้ถูกเรียกชื่อต่างๆและมีกฎเกณฑ์ต่างแตกต่างกันออกไปตามวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ  ที่ญี่ปุ่นหินที่เก็บสะสมไว้ชื่นชมจะเรียกว่า ซุยเซอิ ในประเทศจีนเรียกว่า กองชิ ในประเทศเกาหลีเรียกว่า “suseok” ไม่ว่าจะหินเหล่านี้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปอย่างไรหรือจะเรียกชื่อที่แตกต่างกันอย่างไร แต่ต่างก็ยังคงอยู่ในกลุ่มของประเภทหินสะสม “viewing stone” 

งานอดิเรกการสะสมหินจะสะท้อนถึงความรู้สึกนึกคิดและรสนิยมของผู้นั้น  คนที่สะสมและชื่นชม viewing stones จะเป็นคนที่นิยมชมชอบเผินจิ่งหรือบอนไซเป็นทุนอยู่แล้ว งานอดิเรกทั้งสองนี้มักจะเป็นสิ่งคู่กันเสมอ  หากเราชื่นชอบเผินจิ่งเราก็มักจะชื่นชอบกองชิที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการและแปลกตระการตา  แต่หากเราชื่นชอบบอนไซเราก็มักจะชื่นชอบซุยเซอิที่ให้ความรู้สึกสงบแต่ดูมีพลังลึกลับซ้อนเร้นอยู่ 


หิน viewing stones ให้อะไรกับเรา

เมื่อเริ่มสะสมเรามักจะมุ่งไปที่หินก้อนใหญ่สวยงาม  มีสีสัน  รูปทรงที่เร้าใจไม่สนใจว่าจะโดยธรรมชาติหรือมนุษย์แต่งเติมขึ้น   แต่เมื่อเรียนรู้มาถึงจุดๆหนึ่งเราจะเริ่มพัฒนาความรู้สึกไปสู่ธรรมชาติสู่ความเรียบง่าย, สงบและสมถะ   หินเป็นงานศิลปะที่สร้างโดยธรรมชาติ  ซึ่งมีทั้งรูปทรง, ความสมดุล, สีสันและลวดลายของผิว  ความงดงามของหินถูกกำหนดโดยคนเราจากพลังที่เร้นลับที่สามารถนำจิตใจของเราเข้าสู่จินตนาการของทัศนียภาพจากประสบการณ์ต่างๆที่เคยพบเห็นมา เช่นภาพเทือกเขา, น้ำตก, เกาะ, สัตว์หรือกระท่อม 


 พลังนี้นำเราให้ย้อนกลับไปสู่ภาพเก่าๆในประสบการณ์ชีวิตของเรา   หินแต่ละก้อนไม่ใช่แค่บอกเล่าเรื่องราวของมันเองเท่านั้นมันยังกระตุ้นจินตนาการที่มีอยู่ในจิตใจของผู้ดูอีกด้วยเป็นจินตนาการที่ไม่รู้จบ  แต่ละครั้งที่เรามองหินก้อนเดิมที่เราเคยมองจินตนาการความรู้สึกของเราที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจะไม่ซ้ำกันเลย     แต่หินที่ดีที่สามารถกระตุ้นจินตนาการของเราได้นั้นหายากมากแต่หากเราได้มันมาเป็นเจ้าของสักก้อนมันจะให้ความรู้สึกอิ่มเอิบใจแก่ผู้ที่ได้เป็นเจ้าของ  คนที่ชื่นชอบการสะสมหินนั้นมักจะเป็นคนที่นิยมใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติไม่ว่าจะทำสวน, ปีนเขา, ตกปลา ฯ   

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งหินจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราในทุกๆเช้าเมื่อเราตื่นขึ้นมาหรือทุกเมื่อมีเวลาว่างเราได้ดูพินิจวิเคราะห์หินเหล่านี้เหมือนได้เติมพลังในชีวิตเพิ่มขึ้น  จิตใจเราจะสงบขึ้นมาทันทีเข้าสู่ภวังค์อันเร้นลับ  จิตใจเราจะสงบเพลิดเพลิน และมีสมาธิในขณะนั้น  หินมีพลังในการสร้างจินตนาการที่ไม่รู้จบ  เราจะมองมันได้ไม่รู้เบื่อ


หินอย่างไรจึงจะเรียกว่า ซุยเซอิ

ซุยเซอิก็คือการเรียนรู้และเพลิดเพลินกับความงามในรูปทรงต่างๆของหินตามธรรมชาติ  ซุยเซอิเป็นรูปแบบศิลปะที่ละเอียดอ่อนซับซ้อนที่สืบต่อกันมาช้านานของญี่ปุ่น  ซึ่งรวมถึงความรู้สึก, จินตนาการและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวัตถุและผู้ดู  ซุยเซอิเป็นหินที่สื่อถึงเทือกเขา, ทะเลสาบ, น้ำตก และทิวทัศน์ธรรมชาติอื่นๆ   ซุยเซอิแทนธรรมชาติให้มาอยู่ในอุ้งมือของเรา  ซุยเซอิเป็นความเช้าใจและชื่นชมธรรมชาติผ่านทางหินไม่ว่าเราจะได้หินซุยเซอิมาอย่างไร จะเก็บมาหรือซื้อมาก็ตามเราต้องพยายามคงสภาพตามธรรมชาติเดิมของมันไว้  ตั้งแต่ขบวนการขัดผิวด้วยขบวนการโยเซกิ  ฐานรองหินที่เรียกว่าไดซาทำมาจากไม้เนื้อแข็ง  ตลอดจนถึงการจัดโชว์ตามแบบฉบับที่ควรจะเป็นของมัน 

หินสะสมส่วนหนึ่งของนักสะสมชาวเวียดนาม
 ในสมัยก่อนหินที่เรียกได้ว่าเป็นหิน ซุยเซอิ จะเป็นหินเฉพาะที่ถือกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น  แต่ในปัจจุบันมีการค้นพบหินมากมายจากทั่วโลกที่ไม่อาจแยกแยะได้จากหินที่ถือกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น  ทำให้นักสะสมหินชั้นนำทั่วโลกยอมรับหินที่ถือกำเนิดมาจากทุกแหล่ง ที่เข้าหลักเกณฑ์ที่กำหนดกันมาช้านานของญี่ปุ่น  ตั้งแต่รูปทรง, ขบวนการขัดผิวด้วยขบวนการโยเซกิ, มีฐานรองหินที่เรียกว่าไดซาทำมาจากไม้เนื้อแข็ง  ตลอดจนถึงการจัดโชว์ตามแบบฉบับว่าเป็น ซุยเซอิ  และที่สำคัญที่สุดของคุณสมบัติของซุยเซอิก็คือการให้ความรู้สึกที่ดูเรียบง่ายแต่มีพลังเร้นลับที่กระตุ้นจินตนาการของเราได้ไม่รู้จบ  เมื่อเราศึกษาไปถึงจุดๆหนึ่งที่ความคิดตกผลึกเราจะเห็นความแตกต่างระหว่างรูปแบบของหินที่เรียกว่า ซุยเซอิ ของญี่ปุ่นกับหินสะสมในรูปแบบอื่นๆของประเทศต่างๆที่นอกเหนือจากญี่ปุ่น เช่น จีน, เกาหลี, เวียดนาม, มาเลเซีย ฯ  


หินสะสมของมาเลเซียที่เข้าประกวดในงานประกวดหินของมาเลเซียปี  2012

การเลือกซื้อหิน

ก่อนที่เราคิดจะเลือกซื้อหินสักก้อนหนึ่งในฐานะนักสะสมไม่ใช่ฐานะนักท่องเที่ยวที่ซื้อมาแค่ของที่ระลึกหรือเพื่อใช้ตกแต่งบ้านตกแต่งบ้านเท่านั้น  สิ่งแรกที่ต้องทำคือการศึกษาเรียนรู้คุณสมบัติต่างๆของหิน viewing stone โดยละเอียด  มิฉะนั้นแล้วเราจะโดนหลอกจากผู้ขายได้โดยง่าย 
ปัจจุบันหินของจีนซึ่งนับว่าเป็นแหล่งหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีการซื้อขายกันเป็นเงินหลายพันล้านบาทในแต่ละปี  สิ่งนี้ดึงดูดให้มีธุรกิจการนำก้อนหินธรรมดามาตัดแต่งเจาะรูให้ดูมีรูปทรงเหมือนหินที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติกันอย่างมากมาย  มีการประมาณกันว่ากว่าร้อยละ 80 ของหินที่ซื้อขายกันในจีนสร้างมาจากฝีมือมนุษย์  แม้แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็ยังมีหินที่ตัดแต่งขัดเจียรและพ่นทรายสร้างเลียนแบบหินจากธรรมชาติเพื่อการค้าโดยเฉพาะหิน Hut stone ที่เป็นที่นิยมของนักสะสม (ดูรายละเอียด หินเลียนแบบหินจากธรรมชาติ การสะสมหินซุยเซอิ ตอนที่ 19/20)  
หินเกรดพรีเมี่ยมเป็นที่ต้องการของนักสะสมและนักลงทุนอย่างมาก  บางก้อนมีราคาสูงกว่าทองคำที่น้ำหนักเท่าๆกัน  มูลค่าของหินประเภทนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน  เนื่องจากการมีอย่างจำกัดและไม่สามารถที่จะหามาทดแทนได้ใหม่    




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!