ช่วงระหว่างปี คศ. 592-628 จักรพรรดินีซูอิโกะของญี่ปุ่นได้รับเผินจิ่นและกองชิครั้งแรกจากจีน รูปทรงที่แปลกมีรู, โพลงและผิวหน้าที่ขรุขระ ทำให้พวกขุนนางชั้นสูงเกิดความพิศวงสนใจมาตั้งแต่บัดนั้น จวบจนปัจจุบันความนิยมก็ยังคงไม่เสื่อมคลายในญี่ปุ่นนับเป็นเวลาหลายร้อยปี
ชนชั้นซามูไรเรืองอำนาจในญี่ปุ่นช่วงสมัยคามาคูรา (1183-1333) และมีการค้าขายเกิดขึ้นระหว่างจีนและญี่ปุ่นช่วงนี้เองที่ศาสนาพุทธนิกายเซนได้เข้ามาเป็นที่ยอมรับของพวกซามูไร ด้วยความเชื่อในนิกายเซนหินได้ถูกนำมาใช้ในการสอนในเรื่องความเคร่งครัด, เชาร์ปัญญาและการทำสมาธิ
ในช่วงระหว่างสมัยมูรามาจิ (1338-1573) พระเซนมีอิทธิพลต่อชนชั้นสูงในญี่ปุ่นอย่างมาก พระเซนเหล่านั้นได้นำหินมาใช้ในการสอนโดยการใช้หินสื่อเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ, การรับรู้จากภายใน และการรู้แจ้ง
ต่อมาในช่วงมั่งคั่งรุ่งโรจน์ของบรรดาพ่อค้าสมัยเอโด (1603-1867) จำนวนผู้สนใจซุยเซอิมีจำนวนมากขึ้นและเริ่มมีการนำซุยเซอิมาประชันขันแข่งกันระหว่างชนชั้นสูงและพวกพ่อค้า ในช่วงเวลานี้ญี่ปุ่นยังปิดประเทศจากโลกภายนอกเป็นช่วงแห่งความโดดเดี่ยวโดยมีพัฒนาการของศิลปะซุยเซอิเป็นของตนเองปราศจากอิทธิพลจากภายนอกประเทศ
ในสมัยเมจิ (1868-1912) เป็นช่วงตกต่ำของชนชั้นสูงและพวกซามูไรพัฒนาการของศิลปะซุยเซอิหยุดชะงักลง แต่มีการจัดประเภทซุยเซอิที่ยังคงใช้กันมาถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้นความสนใจซุยเซอิก็เริ่มเจริญงอกงามขึ้นและแผ่ขยายออกไปทั่วในศตวรรษที่ยี่สิบ ศิลปะซุยเซอิได้แผ่ไปทั่วโลกโดยมีสมาคมซุยเซอิอยู่ทั่วโลก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น