วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ซุยเซอิ(Suiseki)
ซุยเซอิ(Suiseki)เป็นรูปแบบศิลปะแขนงหนึ่งที่มีในประเทศญี่ปุ่นนานหลายร้อยปี  ศิลปะแขนงนี้ได้พัฒนามาจากกองชิ (Gongshi)ศิลปะการชื่นชมความงามหินของจีนเป็นศิลปะที่คู่กันมากับศิลปะบอนไซ  คำว่าซุยเซอิ(Suiseki)ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง หินที่อยู่ในน้ำ  ชื่อนี้ได้มาจากการที่ในสมัยโบราณหินจะถูกจัดไว้ในถาดน้ำ  เป็นเวลานับร้อยปี




มาแล้วที่ชาวญี่ปุ่นเก็บหินจากแม่น้ำมาถูขัดเกลาด้วยกระแสน้ำ  มาเพื่อจัดวางแสดงคู่กันกับบอนไซ  ปัจจุบันความนิยมซุยเซอิในโลกตะวันตกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  และมีชื่อเรียกเป็นของตนเองว่า "viewing stone"(หินทิวทัศน์)   อย่างไรตามทั้งสองก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว  เนื่องจากหินบางประเภทก็ไม่มีในญี่ปุ่นแต่ก็เป็นที่นิยมของนักสะสมทั่วโลกและศิลปะซุยเซอิของญี่ปุ่นนั้นจะละเอียดและตายตัวมากกว่า  แต่ซุยเซอิของญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นบรรทัดฐานสากลในการจำแนกประเภทหินที่ใช้กันทั่วโลก  ในการเรียนรู้, สะสม และชื่นชมหินเฉกเช่นศิลปะประเภทอื่นๆ  เราต้องเข้าใจองค์ประกอบของซุยเซอิที่ดีและความแตกต่างของรูปทรงต่างๆอย่างชัดเจน 
สำหรับคนทั่วไปแล้วซุยเซอิ(Suiseki)ไม่ใช่อะไรนอกจากหินก้อนหนึ่งเท่านั้น  แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและเข้าใจศาสตร์นี้แล้วซุยเซอิจะเป็นมากกว่าแค่หินก้อนหนึ่ง  เราไม่สามารถคาดหวังความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับทุกคนได้  ความรู้สึกถึงสัมผัสของการเคลื่อนไหวจากหินและสามารถปล่อยให้วิญญาณล่องลอยอยู่ในโลกของซุยเซอิได้  อย่างไรก็ตามความสนใจซุยเซอิจะเกิดขึ้นกับเราได้หากมีบางสิ่งบางอย่างในซุยเซอิดึงดูดเมื่อเราเห็นมัน    นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เพียงพอสำหรับการเริ่มพัฒนาความเข้าใจในซุยเซอิ  ความเข้าใจซุยเซอิเกี่ยวข้องกับการพัฒนาจิตวิญญาณของแต่ละคนอีกด้วย   




ซุยเซอิไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยฝีมือของมนุษย์  ต้องเป็นหินที่มีรูปทรงเกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ  เพราะฉนั้นหินที่มีคุณภาพดีๆจึงมีจำนวนอยู่อย่างจำกัดในโลกของเราใบนี้  ในญี่ปุ่นทุกวันนี้ยากที่จะหาหินคุณภาพดีๆได้สักก้อนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้ซุยเซอิของญี่ปุ่นมีราคาสูงมาก  แต่ในประเทศอื่นๆยังมีหินคุณภาพดีๆอีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกค้นพบ    

ซุยเซอิ  ศิลปะของการชื่นชมหินที่เกิดขึ้นในธรรมชาตินี้มีกำเนิดในประเทศจีนมาราว 1,000 ถึง 2,000 ปี  และแพร่หลายไปสู่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีมากว่า 400 ปี   แต่ในโลกตะวันตกมีโอกาสได้ชื่นชมศิลปะในรูปแบบนี้มาในระยะเวลาไม่ถึง
100 ปีมานี้เอง  ปัจจุบันผู้สนใจศิลปะแขนงนี้ทั่วโลกได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว  ศิลปะการสะสมหินมีรูปแบบและชื่อต่างๆกันออกไป:



Scholar Rocks หรือ Gongshi 
Scholar Rocks เป็นชื่อที่ชาวตะวันตกใช้เรียกศิลปะกองชิ(Gongshi)ของจีน   การที่ชาวจีนชื่นชมหินก็เนื่องมาจากความรักในธรรมชาติประกอบกับเชื่อตามหลักทางศาสนาและปรัชญา   สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของชาวจีนในการสร้างสรรค์งานศิลปะไม่ว่าจะเป็นภาพเขียนหรืองานแกะสลัก เนิ่นนานมาแล้วที่ชาวจีนเรียนรู้ที่จะสร้างสวนที่สามารถสื่อได้ถึงธรรมชาติที่พวกเขารัก  สวนดังกล่าวรวมถึงการใช้ต้นไม้ขนาดเล็กและหินขนาดใหญ่เพื่อแทนเทือกเขาลำเนาไพร 




ซุยเซอิ (Suiseki
ซูอิเซกิ(Suiseki)   ภาษาญี่ปุ่นหมายถึง หินที่อยู่ในน้ำ  ชื่อนี้ได้มาจากที่เดิมหินนี้จะถูกจัดไว้ในถาดน้ำ  เป็นเวลานับร้อยปีมาแล้วที่ชาวญี่ปุ่นเก็บหินจากแม่น้ำมาเพื่อจัดวางแสดงคู่กันกับบอนไซเพื่อเป็นฉากหลังเหมือนภูเขา  ประเพณีในการชื่นชมความงามของหินขนาดเล็กจากจีนเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นมาช้านาน  กลายมาเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นได้ชื่นชมหินขนาดเล็กที่มาจากจีน  หินจากจีนที่ส่งมายังญี่ปุ่นในระยะแรกทีเดียวจะเป็นหินที่มีรูปทรง abstract และมีรูบนหิน  มันถูกจัดวางไว้ในถาดเซรามิคหรือถาดทองเหลืองที่ใส่กรวดเอาไว้  ชาวญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่ยกย่องและเทิดทูลธรรมชาติมาแต่ดึกดำบรรพ์แล้วจึงไม่แปลกที่ความนิยมชมชอบในศิลปะซุยเซอิจะยังคงแพร่หลายในญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้  ญี่ปุ่นได้พัฒนากฏเกณฑ์รูปแบบของซุยเซอิขึ้นมาอย่างมากมายจนเป็นแม่แบบสำหรับกฏเกณฑ์ของหินทั่วโลก



Suseokของเกาหลี
เกาหลีก็เช่นเดียวกันกับญี่ปุ่นที่ได้รับวัฒนธรรมศิลปะการชื่นชมความงามของหินจากธรรมชาติจากประเทศจีนมายาวนาน  ความเชื่อและเคารพในธรรมชาติก็คงอยู่ในจิตใจของชาวเกาหลีเช่นเดียวกับชาวจีนและชาวญี่ปุ่นศิลปะนี้ของเกาหลีจึงยังคงสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้    
Viewing Stones ของชาวตะวันตก
Viewing Stones(หินทิวทัศน์) ของชาวตะวันตก  ศิลปะด้านนี้ยังคงดูแปลกใหม่สำหรับโลกตะวันตกอยู่   แต่นับวันความนิยมก็ยิ่งเพิ่มขั้น 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!